missmay

missmay
Wonderful Night!!!

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

English For You ( Question Tag )

Question Tag
              

อาจารย์จอห์น: สวัสดีครับกลับมาเจอกันเช่นเคยน๊ะครับ สัปดาห์นี้อาจารย์จะมาพูดถึง Question Tag อาจารย์คิดว่าหลายๆคนในห้องนี้คงจะเคยเรียนกันมาบ้าง ว่าไงจ๊ะ แรเชล เคยหรือไม่เคยจ๊ะ?
แรเชล อลิซาเบธ:
ค่ะไม่เคยค่ะ!
อาจาร์ย จอห์น:
แป่ว! เป็นงั้นไป
แรเชล อลิซาเบธ:
 แล้ว
Question Tag มันคืออะไรคะอาจารย์?
อาจารย์จอห์น:
 
ครับ เอาล่ะ! ไม่เป็นไรครับ เราทุกคนมาดู มาทบทวนเรื่องนี้พร้อมๆกันดีกว่าครับ ก่อนอื่นเราก็ต้องทราบความหมายของ Question tag ว่ามันคืออะไรก่อน Question tag ก็คือ รูปแบบของคำถามในอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้ถามคาดหวังคำตอบในแค่บวกจากผู้ตอบ หรือจากคู่สนทนา
ลักษณะรูปแบบคำถาม Question tag นั้นเป็นการตั้งคำถามท้ายประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence) และประโยคปฏิเสธ
(Negative sentence)
เปอร์ซีย์:
อาจารย์ครับ แล้ว เอ่อ...โครงสร้างประโยคคำถามแบบ Question tag
นั้นมีลักษณะอย่างไรครับ
อาจารย์จอห์น: สำหรับโครงสร้างประโยคคำถามแบบ 
Question tag นั้นก็มีดังต่อไปนี้แบบที่ 1 แบบบอกเล่า/ การ Tag จากประโยคบอกเล่า (Affirmative sentence)         ประโยคบอกเล่า (Affirmative sentence), + กริยาช่วย (Modal auxilialy verb)+ not (รูปย่อ n't) + สรรพนาม (Pronoun) (ที่สอดคล้องกับประธานในประโยคแรก) + Question mark (?)แบบที่ 2 แบบปฏิเสธ/ การ Tag จากประโยคปฏิเสธ (Negative sentence)        ประโยคปฏิเสธ (Negative sentence), + กริยาช่วย (Modal auxilialy verb) + สรรพนาม (Pronoun) (ที่สอดคล้องกับประธานในประโยคแรก) + Question mark (?)นิโค:
 แล้ว เรามีวิธีการหรือขั้นตอนการสร้างคำถามแบบ
Question Tag ได้อย่างไรครับอาจารย์?
อาจารย์จอห์น:
ครับ สำหรับขั้นตอนการสร้างคำถามแบบ
Question Tag
นั้น ไม่ยากครับทำตามขั้นตอนนี้เลยครับ 1. ก่อนอื่นให้เราพิจารณา  ประธาน (Subject) ในประโยคส่วนแรกนั้นใช้สรรพนามอะไรไปแทน แล้วจึงนำไปเขียนต่อท้ายประโยคที่ 2 ที่เราเขียนขึ้นมาใหม่ ตัวอย่างเช่น       Big John is a very big - hearted and broad-minded guy.
    
บิ๊ก จอห์นเป็นคนที่ใจดีและก็ใจกว้างมากๆด้วยจากประโยคนี้เราต้องพิจารณาว่า ประธานเป็นเพศไหน ชายหรือหญิง ซึ่งในประโยคนี้แน่นอนครับ Big John นั้นเป็นเพศชายแน่นอนไม่สามารถเป็นอื่นใดไปได้ เมื่อเรารู้ว่าประธานเป็นเพศชาย เราก็สร้างประโยคมาอีกประโยคหนึ่ง แล้วเติม He ตรงท้ายประโยคก็จะได้ประโยคดังต่อไปนี้          Big John is a very big-hearted and broad-minded guy he.
2.ขั้นตอนต่อมาให้เราพิจารณาว่า ประโยคแรกนั้นเป็นประโยคบอกเล่า (Affirmative sentence) หรือเป็นประโยคปฏิเสธ (Negative sentence) ถ้าพิจารณาแล้วประโยคแรกเป็นบอกเล่า (Affirmative sentence) ก็ให้เติมกริยาปฏิเสธรูปย่อตรง
ท้ายประโยคที่ 2 หลังสรรพนาม He ได้ทันที ก็จะได้ประโยคดังต่อไปนี้                  Big John is a very big-hearted and broad-minded guy  he isn't.ประโยคเดิม Big John is a very big-hearted and broad-minded guy.
ในทางกลับกันถ้าประโยคแรกเป็นเป็นประโยคปฏิเสธ (Nagative sentence) ก็ให้เติมกริยารูปบอกเล่าตรงท้ายประโยคที่ 2 หลังสรรพนามได้ทันที ก็จะได้ประโยคใหม่ดังต่อไปนี้                    Big John is not  a very big-hearted and broad-minded guy he is.
ประโยคเดิม Big John is not a very big-hearted and broad-minded guy.
หลักการพิจารณาทั้งหมดนั้น สามารถสรุปเป็นตารางได้ดังต่อไปนี้
หลักการพิจารณา
ประโยคแรก
ประโยคใหม่
ประโยคบอกเล่า (กริยาบอกเล่า) (Affirmative sentence)กริยาปฏิเสธรูปย่อ (n't)
ประโยคปฏิเสธ (กริยาปฏิเสธ) (Negative sentence)กริยาบอกเล่า


3.ต่อมาให้ย้ายตำแหน่งกริยาในประโยคใหม่/ประโยคที่ 2 จากหลังประธาน (Subject) ให้มาอยู่ข้างหน้าคำสรรพนาม ในประโยคข้างต้นสรรพนามคือ He ดังนั้นจึงนำคำกริยาย้ายมาอยู่หน้า He พร้อมทั้งเติม Comma (,) คั่นหน้ากริยา พร้อมทั้งเติมเครื่องหมายคำถาม (Question mark) ก็จะได้ คำถามในแบบ Question tag                          Big John is not a very big-hearted and broad-minded guy, is he?
             
บิ๊ก จอห์น ไม่เป็นคนที่ใจดีใจกว้างใช่ไหม?
จากประโยคเดิม Big John is not  a very big-hearted and broad-minded guy he is.                          Big John is a very big-hearted and broad-minded guy, isn't he?                      บิ๊ก จอห์น เป็นคนที่ใจดีและใจกว้างมากๆใช่ไหม?จากประโยคเดิม Big John is a very big-hearted and broad-minded guy  he isn't.
More examples:          Sarah works by day and by night.
     =
 Sarah works  by day and by night, doesn't she?         ซาร่าห์ ทำงานทั้งวันทั้งคืนเลยหรือครับ?         Sarah doesn't work by day and by night.
     = Sarah doesn't work by day and by night
, dose she?      ซาร่าห์ ไม่ได้ทำงานทั้งวันทั้งคืนใช่ไหมครับ?         Children here make riots.
     =
 Children here make riots, don't they?
   
      เด็กๆสร้างความวุ่นวายให้กับที่นี่ไหมครับ?         Children here don't make riots.
    =  Children here don't make riots
, do they?         เด็กๆสร้างความวุ่นวายที่นี่ไหม?
          Natasha went to participate in that club.    = Natasha went to participate in that club, didn't she?        
นาตาชาได้ไปเข้าร่วมสมาชิกสโมสรนั้นหรือเปล่าครับ?

ข้อที่ควรพึงระวังในการทำประโยค Question Tag       1. ห้ามใช้คำนามในประโยคใหม่ ให้เปลี่ยนคำนาม เป็น คำสรรพนาม
     2.กริยาที่ใช้ใน รูปปฏิเสธ ต้องอยู่ใน รูปย่อ เท่านั้น
      3.ที่สำคัญผู้เรียนจะต้องมีความรู้ในเรื่องการเปลี่ยนบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม (Interrogative sentence) และปฏิเสธ (Negative sentence) เป็นอย่างดี
ข้อยกเว้น
1. กริยาบอกเล่าในประโยคแรก  เช่น They are, I am กริยาใน Question Tag ต้องเป็น aren't they, aren't I เช่น        They are your instructors, aren't they?     พวกเขาเป็นครูสอนคุณหรือ/ ใช่หรือไม่?        I am wrong, aren't I?     ผมผิดหรือ?2. ประโยคในประโยคแรกมีคำวิเศษณ์ (Adverb) แสดงคำปฏิเสธหรือมีความหมายปฏิเสธอยู่แล้ว เช่น Never(ไม่เคย) Rarely , scarely, hardly, once in a blue moon (IDM) (แทบจะไม่) ให้ถือว่ามีความหมายเหมือน "not" คือมีความหมายปฏิเสธ ดังนั้นกริยาในประโยคคำถามแบบ Question Tag จะต้องใช้รูปบอกเล่า 

ประโยคแรก ประกอบด้วยคำต่อไปนี้ ประโยคใหม่ (Question Tag)
Never, rarely, scarely, hardly  กริยาต้องอยู่ในรูปบอกเล่า


3. Question tag ที่ใช้ในประโยคขอร้องอย่างสุภาพนั้น ให้ใช้กริยา will you?, won't you? หรือ shall we? ตัวอย่างเช่น       Stop that silly behaviour, will you?
     ช่วยกรุณาหยุดพฤติกรรมโง่ๆนั่นเสียที จะได้ไหม?
   
   Don't let me down, will you?   
อย่าทำให้ผมผิดหวังจะได้ไหม?      Don't leave me here alone, will you?
     อย่าทิ้งฉันไว้เพียงลำพังที่นี่จะได้ไหม?
      Let me go, will you?

     ปล่อยผมไปจะได้ไหม?
4.กรณีที่ในประโยคแรกมีกริยาช่วย (Modals) 
had better นั้นTag จะใช้คำกริยาปฏิเสธรูปย่อคือ  hadn't ไม่ใช่ hadn't better ตัวอย่างเช่น    You had better take a few power naps, hadn't you?   คุณน่าจะไปงีบสัก 2-3 งีบ น่าจะดีไหม?
5. กรณีที่ประโยคแรกมีกริยาช่วย (Modals) would rather นั้นTag จะใช้คำกริยาปฏิเสธรูปย่อคือ wouldn't ไม่ใช่ wouldn't rather ตัวอย่างเช่น     She would rather go the beach, wouldn't she?   หล่อนอยากจะไปชายหาดมากกว่าใช่ไหม?6. ในกรณีประโยคแรกมีประธานเป็น Definite pronoun (สรรพนามเจาะจง) อาทิเช่น That, This ตรง Tag จะใช้สรรพนาม (Pronoun) It ตัวอย่างเช่น    That is a live multi-headed serpent, isn't it?
  
นั่นคือพญานาค (อนันตนาคราช) ตัวเป็นๆ จริงๆใช่ไหม?7. ในกรณีที่ประโยคแรกมีกริยาช่วย (Modals) ought to นั้นTag จะใช้คำกริยาปฏิเสธรูปย่อคือ oughtn't ไม่ใช่ oughtn't .......to ตัวอย่างเช่น
   Kelly ought to get some stuff right away, oughtn't she? ถูก ห้ามใช้ oughtn't she to ผิด
  เคลลี่ควรจะออกไปหาอะไรทานตอนนี้ หรือไม่?
หรือ
 Kelly ought to get some stuff right away, shouldn't she?
(ใช้ should แทนใน Question tag ได้)
8. ในกรณีประโยคแรกมีประธานเป็น Definite pronoun (สรรพนามเจาะจง) อาทิเช่น These, Those ตรง Tag จะใช้สรรพนาม (Pronoun) They
ตัวอย่างเช่น
   These are wild boars, aren't they? (These ใช้ they )
  
เหล่านี้คือหมูป่าใช่หรือไม่?    Those are pheasants, aren't they? (Those ใช้ they)
  
เหล่านั้นคือไก่ฟ้าพญาลอใช่หรือไม่?9. ในกรณีที่ในประโยคแรกมีประธานเป็น Indefinite pronoun (สรรพนามไม่เจาะจง) อาทิเช่น everyone, everybody ใช้ they กับ Question tag10.ในกรณีที่ประโยคแรกมีประธานเป็น Indefinite pronoun (สรรพนามไม่เจาะจง) ที่ขึ้นต้นด้วย No เช่น no one, nobody ให้ถือว่ากริยาในส่วนแรกอยู่ในรูปปฏิเสธ
เช่น
 
Nobody is perfect, are they?     ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบเลย ใช่ไหม?   (เพราะ No เป็นคำปฏิเสธ ดังนั้นกริยาใน Question tag จึงต้องเป็นบอกเล่า)
11. ประโยคแสดงการชักชวนให้ใช้ "Shall we" ในส่วนที่เป็น  Question tag 
   
Let's dance, shall we?  พวกเราไปเต้นรำกันเถอะ?   Let's go to movie, shall we?   พวกเราไปดูหนังกันเถอะ?12. ประธานในประโยคแรกเป็น one ให้ใช้ one ในส่วนที่เป็น Question tag 
13. ในประโยคหลักที่เป็นคำปฏิเสธเหล่านี้ เช่น Little, few, never, rarely, scarely, seldom ให้ใช้กริยาใน Question tag ในรูปของของคำบอกเล่า เช่น 
      Big John never hesitates to question foreigners when he has some English assignmesnts
, does he?    บิ๊ก จอห์นไม่เคยรีรอ/ประวิงเวลาชักช้าที่จะถามชาวต่างชาติเจ้าของภาษาเมื่อเขามีการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ ใช่หรือไม่?   Few tourists went onto Chiang Mai last year, did they?     มีท่องเที่ยว 2 -3 คนเท่านั้นที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ ใช่หรือไม่?     Big John seldom stayes online throught MSN, does he?    บิ๊ก จอห์นแทบจะไม่ออนเอ็มเลยใช่ไหม?14.ในกรณีที่ประโยคแรกมีประโยคย่อยแฝงอยู่ ให้นำกริยาและประธานในประโยคหลักมาทำเป็น Question tag เช่น       Sandra always says that sleeping enough can refresh her mind, doesn't she
?     แซนดร้า กล่าวเสมอว่าการนอนหลับอย่างเพียงพอนั้นทำให้จิตใจเธอสดชื่นแจ่มใส ใช่หรือไม่?     They agree that everybody has got to learn sometimes, don't they?     พวกเขาเห็นด้วยหรือไม่ว่าทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ในบางครั้ง?ยกเว้น ถ้าในประโยคแรกมีสำนวน ประธาน + think, thought ให้ใช้ ประธานและกริยาในส่วนที่ 2 มาทำเป็น Question tag เช่น      They think it is all my fault, aren't they?    พวกเขาคิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ใช่ไหม?     Big John thinks that we should get some stuff now, shouldn't we?     บิ๊ก จอห์น คิดว่าพวกเราควรจะไปทานอาหารตอนนี้ดีไหม?
แอนนาเบ็ธ: จากที่ดูๆและฟังอาจารย์อธิบายมา หนูเข้าใจอีกว่ากริยาที่เรานำมาทำเป็น Question tag นั้นต้องเปลี่ยนไปตาม Tense (กาล) ตามประโยคแรกด้วยใช่ไหมคะอาจารย์?
อาจารย์จอห์น: ใช่แล้วครับ ถ้าประโยคแรกเป็นปัจจุบัน (Present Tense), อดีต (Past Tense) หรืออนาคต (Future Tense) กริยาที่เรามาใช้แต่งประโยคคำถาม Question tag ต้องผันหรือเปลี่ยนไปตาม Tense ในประโยคแรก ครับ เคลียร์หรือยังครับ แอนนาเบธ?
แอนนาเบธ:
เคลียร์ เสียยิ่งกว่าเคลียร์อีกค่ะอาจารย์ ขอบคุณมากค่ะ!
เบียงก้า: อาจารย์คะแล้วในการตอบคำถาม Question tag มีวิธีการตอบเราจะตอบอย่างไงคะ ในกรณีที่มีชาวต่างชาติถาม?
อาจารย์จอห์น:
 
วิธีการตอบประโยค Question Tag นั้นปกติแล้ว เรามักจะใช้ yes หรือ no เข้ามาช่วยในการตอบ แล้วตามด้วย Subject (ประธาน) และ Auxiliary Verbs (กริยาช่วย) เช่น Dialogue  A       
          
 John: Robert is arrogant, isn’t he?
             
ร็อบเป็นคนที่หยิ่งยโสโอหังใช่ไหม?           Jim: Yes, he is. / No, he isn’t.
Dialogue  B
 
            Lindsay: Children didn’t make riots, did they?                              เด็กๆไม่ได้สร้างความวุ่นวายใช่ไหม?             Miley: Yes, they did. / No, they didn’t. 
อาจารย์จอห์น: จากที่เราเรียนมาทั้งหมดนั้น หลักการในการทำประโยคคำถามแบบ Question tag ทั้งหมดนั้นสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
     1. ถ้าประโยคแรกที่เราจะ Tag เป็นประโยคบอกเล่า (Affirmative sentence) Tag ต้องเป็นปฏิเสธ
     2. ถ้าประโยคที่จะ Tag เป็นประโยคปฏิเสธ (Negative sentence) Tag ต้องเป็นบอกเล่า
     3.ต้องเติม Comma (,) คั่น ระหว่างประโยคหลักกับ Tag เสมอ
     4.Tag จะต้องเป็นกริยาช่วยเสมอ
(Modal auxilialy verb)
     5.
 หากไม่มีกริยาช่วยในประโยคหลัก ใช้ V.to do เข้ามาช่วย
       6. กริยาช่วย (รูปปฏิเสธ) ตรง Tag ต้องใช้รูปย่อเสมอ
       7.กริยาช่วยตรง Tag ต้องผันหรือเปลี่ยนไปตาม Tense (กาล)
       8.ประโยค คำสั่ง ขอร้อง เชิญ เติมคำว่า will you ตรงท้ายประโยคได้เลย
ข้อควรจำ        1. ถ้าประโยคที่จะ Tag ขึ้นต้นด้วย สรรพนามเจาะจง (Definite pronoun) เช่น That is, This is ส่วน Tag นั้นจะต้องใช้ isn't it หรือ is it ขึ้นอยู่กับประโยคว่าประโยคนั้นเป็นบอกเล่าหรือปฏิเสธ
     2. ถ้าประโยคที่จะ Tag ขึ้นต้นด้วย There is/ are/was/were Tag นั้นจะต้องใช้ V.to be ตามประธาน (Subject) และสอดคล้องตาม
Tense    3. ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วยสรรพนามเจาะจง (Definite pronoun) อาทิเช่น These/ Those are ส่วน Tag นั้นก็จะใช้ aren't they หรือ are they ขึ้นอยู่กับประโยคว่าประโยคนั้นเป็นบอกเล่าหรือปฏิเสธ
     4. ถ้าประโยคหน้านั้นเป็นประโยคความซ้อน (Complex sentence) Tag นั้นจะต้องยึดถือเอากริยาตามประโยคหลัก
    5. ถ้าประโยคหน้าหน้ามีคำที่ให้ความหมายเชิงปฏิเสธ ส่วน Tag นั้นต้องเป็นประโยคบอกเล่า เช่น
                     
Nothing in this world is perfect, is it?              ในโลกนี้ไม่อะไรเลยที่สมบูรณ์ ใช่ไหม
อาจารย์จอห์น: ครับเป็นอย่างไรกันบ้างครับ อธิบายรายละเอียดเนื้อหาเกี่ยวกับการตั้งคำถามแบบ Question Tag มาพอสมควร พอจะ make sense กันบ้างไหมครับ

ไม่มีความคิดเห็น: